"ซิดนีย์"จากเราไปแล้ว เหลือเพียงแค่ความทรงจำที่ดีดี

14 เมษายน 2551

อยู่ในความทรงจำไม่มีวันลืม






ซิดนีย์ น้องรักจากเราไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2551 อายุ 1 ปี 2 เดือน ด้วยอาการช็อคตาย
ต่อหน้าต่อตาเรามันร้องทรมานอย่างน่าสงสาร ก่อนที่ซิดนีย์ จะขาดใจ และจากเราไป เราเสียใจการจากไปของซิดนีย์ มันเป็นแมวที่เรารักมากๆ มันป่วยได้แค่ สองสามวันมันก็ตายจากเราไป ตอนแรกพาไปหาหมอที่คลินิค ซิดนีย์ มีไข้สูงมาก และไม่มีอาการอื่นๆ หมอฉีดยาลดไข้ให้ซิดนีย์ แต่ซิดนีย์ ก็ไม่มีอาการดีขึ้น และก็ม่ายยอมกินอาหารด้วย ซิดนีย์ ผอมมาก วันที่สองเราก็พาไปหาหมออีก ไข้ลด แต่ก็ยังไม่ทานอาหารอยู่ดี หมอก็เลยให้ยาถ่ายมาทาน

แต่วันต่อมาก็ไม่ดีขึ้น เราเลยพาไปหาหมออีกที และหมอแนะนำให้พาไปที่โร8พยาบาลสัตว์ราษบูรณะ เราก็พาซิดนีย์ ไป ทันทีที่หมอแนะนำ และหมอที่นั่นเขาบอกว่า ซิดนีย์เป็นโรคโลหิตจาง และผลการตรวจเลือดออกมา เกร็ดเลือดต่ำ และเม็ดเลือดมี แค่ 17% ของร่างกายมันเท่านั้น ปกติของแมวต้อง 50 เราฝากซิดนีย์ ไว้ที่โรงพยาบาล เพราะถึงเอากลับมาห้องเราก็ช่วยซิดนีย์ ไม่ได้ถ้ามีเหตุฉุกเฉิน เลยตัดสินใจฝากไว้กับหมอ แต่เมื่อเวลาสามทุ่มหมอโทรมาบอกว่าซิดนีย์ มีอาการชัก หายใจเองไม่ได้ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เรารู้สึกเป็นห่วงซิดนีย์ มาก และอยากอยู่กัมันตลอดเวลา

จนเช้าอีกวันเราโทรถามอาการซิดนีย์ แทบทุกชั่วโมง มานม่ายดีขึ้นเลยตลอดเวลาที่อย่กับหมอ
เราเลยไปรับมานกับมาตอนเย็น และเมื่อกลับมาถึงบ้านมานก็เหมือนแข็งแรงขึ้นพักหนึ่ง ซักพักอาการมานเริ่มทรุด มานร้องเรียกเราอย่างทรมาน บอกให้รู้ว่ามานกำลังจะไป เสียงร้องของมานบอกถึงความทรมาน
เราสงสารมานมาก ม่ายุจะทำยังไง พักเดียวนั้นเอง เสียงร้องของมานสงบลงมานก็จากเราไปทันที โดยที่ไม่บอกลาเราเลยซักคำ เราเห็นก่อนมานตายมานคงทรมานมาก เรารับได้ถึงความรู้สึกของมาน ซิดนีย์ ไม่เคยร้องเสียงดังอย่านี้มาก่อน เราเสียใจเสียใจมากๆ เราอยากให้มานกลับมา กลับอยู่กับเราอีก
"หลับให้สบายน่ะซิดนีย์ ไม่ต้องเป็นห่วงพี่ พี่ยังรักและคิดถึงซิดนีย์ ตลอดกาล..."

ความคิดถึงที่ห้ามไม่ได้




น้องรัก"ซิดนีย์"



ซิดนีย์ เป็นสัตว์เลี้ยงที่ฉันชอบมากๆ เลย เพราะแมวเป็นเพื่อนในยามที่ฉันเหงา คอยเป็นเพื่อนเล่นกับฉันได้ เหตุที่ฉันรักแมวมากนั้นก็คือ นอกจากแมวจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักแล้วแมวยังได้ชื่อว่าเป็นสัตว์แสนรู้ ซื่อสัตย์รักเจ้าของ และเชื่องไม่แพ้น้องหมาเลยทีเดียว



"ที่สำคัญเวลาที่ฉันร้องไห้ มีเรื่องทุกข์ใจ ซิดนีย์เฝ้ามองดูฉันตลอดเวลา ฉันยังจำสายตาของซิดนีย์เวลาที่มองฉันได้ ซิดนีย์เดินทางไปกับฉันทุกที่ที่ฉันพาไป ซิดนีย์เคยไปเพชรบูรณ์กับฉัน เคยไปบางกะปิกับฉัน เป็นความทรงจำที่ฉันไม่มีวันที่จะลืมซิดนีย์ตลอดกาล"



แต่ปัจจุบันแมวซิดนีย์ที่ฉันเลี้ยงนั้นได้ตายไปแล้ว หลงเหลือแค่ความทรงจำที่ฉันเคยเล่นและใกล้ชิดกับมันมากแค่ไหน จากการสูญเสียซิดนีย์ที่ฉันรักไปทำให้ทุกวันนี้ฉันยังคงรักซิดนีย์ซึ่งถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักและแสนรักของฉันตลอดไป



ด้วยความรักที่ฉันมีให้สัตว์เลี้ยงที่ฉันรัก จึงอยากจะขอร้องคนที่ทำร้าย, รังแก หรือทิ้งขว้างสัตว์เลี้ยงตามสถานที่ต่างๆ หันมาสนใจสัตว์เลี้ยงของท่านเองบ้าง ซึ่งปัจจุบันนี้ปัญหาทางสังคมที่สร้างความเดือดร้อนก็คือ ซื้อสัตว์เลี้ยงมาเอ็นดูในตอนเล็กเพราะน่ารัก พอตอนโตไม่ชอบไม่ต้องการจึงทิ้งขว้าง ดังนั้นเราควรให้ความใส่ใจและให้ความรักแก่สัตว์เลี้ยงของเราเหมือนที่สัตว์เลี้ยงให้ความรักและซื่อสัตย์ต่อเราเสมอมา

สีเปอร์เซีย

ประเภท Bi-Color

สีทั่วไปตาจะเป็นสีทองแดง ถ้าเป็นตาสองสี ตาข้างหนึ่งจะเป็นสีฟ้า

อีกข้างเป็นสีทองแดง ความเข้มของสีตาทั้สองข้างเท่าๆกัน




ประเภท Shade & Smoke

จะมีลักษณะของสีขน 3 แบบ คือ แบบ Shell จะมีสีขาวที่ปลายขนเพียงเล็กน้อย

แบบ Shade จะมีสีแดงส่วนที่เป็นสีมากกว่า และแบบ Smoke

มีสีดำ แดงจะมีสีมากกว่าแบบ Shade

ประเภทหิมาลายัน

แมวประเภทนี้ก็จะมีลักษณะแต้มสีตำแหน่งเดียวกับแมววิเชียรมาศของไทย คือ หูทั้งสองข้าง ที่หน้าครอบเหมือนหน้ากาก ขาทั้งสี่ หาง และถ้าเป็นตัวผู้จะเห็นสีชัดที่อวัยวะเพศอีกหนึ่งที่ แมวในประเภทนี้ถูกผสมให้มีแต้มสีได้หลากหลายมากขึ้น แต่ที่สำคัญคือแมวจะต้องมีแต้มสีครบทุกตำแหน่ง

ธรรมชาติของแมว


ธรรมชาติของแมวจะอยู่กับแมวให้แมวเป็นสุขและคนก็เป็นสุขด้วย ก็ควรจะรู้ใจแมวที่เลี้ยงกันสักนิด สำหรับคนที่เลี้ยงแมวมานานแล้วก็คงไม่ต้องอ่านหน้านี้เพราะเชี่ยวชาญกันอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ตั้งใจว่าจะรักแมวจริงซะทีต้องมาดูว่าธรรมชาติของแมวเป็นอย่างไรบ้าง แมวเป็นสัตว์เลือดอุ่นเลี้ยงลูกด้วยนม มีหูที่ไวต่อเสียงมากและจมูกก็ไวต่อกลิ่นต่าง ๆ ด้วย (แต่น้อยกว่าสุนัข)


แมวสามารถได้ยินเสียงต่าง ๆ ที่มนุษย์ไม่ได้ยิน หนวดแมวจะใช้สัมผัสวัตถุที่อยู่ใกล้ ๆ แทนการใช้สายตา แมวสามารถมองในที่มืดได้ดี เพราะม่านตาของแมวจะปรับขยายเพื่อรับแสงที่เข้ามาได้เวลาแสงมากม่านตาจะหดตัว ถ้ามองแสงโดยตรงจะเห็นว่าม่านตาจะเป็นเส้นตรงไปเลย ทำให้มองอะไรไม่ชัดเจน แต่ถ้าแสงน้อยม่านตาจะขยายตัว จนจะเห็นได้ว่าตาดำใหญ่เกือบเท่าเบ้าตาทีเดียว ทำให้มองเห็นชัดขึ้น แต่เวลาตกใจกลัวหรือกำลังสนใจอะไรแบบสุด ๆม่านตาก็จะขยายมากขึ้นเหมือนกัน แต่ม่านตาของแมวก็มีข้อเสียอย่างเช่นถ้ากำลังข้ามถนนในเวลากลางคืนแล้วจู่ ๆ ก็มีรถวิ่งมา แสงไฟหน้ารถจะทำให้ม่านตาของแมวหดลงจนเป็นเส้นตรง ดังนั้นแมวก็อาจถูกรถชนได้


แมวยังมีความสามารถพิเศษอีก คือ ความคล่องตัว ด้วยการที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบาและกระดูกขาที่แข็งแรงและกล้ามเนื้อที่ยืดหยุ่นได้ดี ทำให้แมวสามารถจะกระโดดได้สูงและไกลกว่าสัตว์อื่น ๆ นอกจากนี้แมวยังสามารถกระโดดลงจากที่สูงได้อย่างปลอดภัย หรือถ้าตกจากที่สูงก็สามารถกลับตัวกลางอากาศเอาขาทั้ง 4 ยันพื้นได้ (แต่ถ้าเป็นแมวตัวอ้วนพีก็อาจท้องแตกได้เพราะความคล่องตัวลดน้อยลงไป)และหางใช้ช่วยในการทรงตัวของแมวด้วยครับ


แมวเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบอาบน้ำยกเว้นพันธุ์เตอรกิชแวน แต่แมวจะเลียตัวเพื่อทำความสะอาดตัวเองนี่แค่กายภาพภายนอกเท่านั้นเราควรรู้ถึงอารมณ์ของแมวด้วยจะได้ไม่ถูกแมวตบเอาไง แมวจะแสดงออกทางอวัยวะต่าง ๆ ให้เห็นถึงอารมณ์ที่มันเป็นอยู่ในขณะนั้น

อุปนิสัยของแมวที่คุณควร



1. ทำไมแมวชอบร้องเหมียวๆ แมวจะทำเสียงนี้ เมื่อรู้สึกพอใจหรือไม่พอใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เค้าเริ่มรู้จักที่จะสร้างเสียงแบบนี้ ตั้งแต่เป็นลูกแมว ซึ่งจะส่งเสียงนี้ในยามที่ต้องการความอบอุ่นจากแม่แมว และเวลาที่หิวนม ซึ่งเป็นกลไกที่เกิดจากสมองสั่งการ ให้เกิดเสียงร้องจากการสั่นของกล้ามเนื้อช่องคอนั่นเอง แมวมักจะทำเสียงนี้ในขณะหลับซึ่งคล้ายๆ กับเสียงกรน ครั้งต่อไปหาคุณได้ยินเสียงนี้อีกคุณลองถามเค้าสิว่า เค้าต้องการอะไร


2. ทำไมแมวจึงรักที่จะนอน "แมวขี้เซา" เป็นคำที่ใช้เรียกแมวที่รักการนอนเป็นชีวิตจิตใจ พวกเค้าจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนหลับอย่างน้อย 17 ชั่วโมง ต่อวัน ซึ่งเป็น ลักษณะที่ถ่ายทอดมาจากแมวป่า ที่มักจะไม่ชอบออกล่าเหยื่อ หรือหาอาหารสักเท่าไหร่ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าแมวชอบที่จะนอนมากกว่า เจ้าแมวนอนหวดเอ๋ย


3. ทำไมแมวจึงชอบที่จะข่วนเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน พฤติกรรมการข่วนของแมวนั้น เกิดจากเหตุผลหลายอย่าง ประเด็นแรกนั้นการข่วนเป็นการฝนเล็บให้สวยงาม และแมวก็มีความสุขที่ได้ทำเช่นนั้น อีกทั้งพฤติกรรมนี้ยังเป็นการสร้างอาณาเขตของตัวเอง เพื่อป้องกันผู้บุกรุก แมวมักจะข่วนเป็นแนวตรงกับเสาหรือต้นไม้ ดังนั้น เราจึงควรจัดเตรียมที่ไว้ให้เป็นสัดส่วน สำหรับการฝนเล็บของแมว โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายไปที่อื่น ถ้าย้ายไปละฮึ่ม....จะข่วนไม่ให้เหลือ....


4. ทำไมแมวจึงชอบนอนหงายแล้วกลิ้งไปมา หลายคนมีความคิดที่ผิดว่าการที่แมวนอนไถหลังกับพื้น เป็นการแสดงพฤติกรรมที่ต้องการกำจัดหมัด ออกจากร่างกาย ในความจริงแล้ว อาการเช่นนี้แสดงออกถึงความไว้วางในในตัวคุณ เป็นการแสดงอาการยอมรับคุณ หรือทักทายคุณ ครั้งหน้าหาคุณพบว่าแมวทำท่าเกลือกกลิ้งต่อหน้าคุณ ให้คุณรู้ว่า เค้าอยากให้คุณแสดงความเป็นมิตรต่อเค้าด้วยการลูบท้อง


5. ทำไมแมวจึงชอบคลอเคลียที่ขาของเรา แมวมีต่อมกลิ่นทั่วร่างกายเช่น ริมฝีปาก, สีข้าง, หน้าผาก, หาง เป็นต้น กลิ่นจะกระจายติดตามร่างกายของผู้ที่แมวเข้าไปคลอเคลีย การแสดงอาการเช่นนี้ของแมวบ่งถึงความต้องการที่จะแสดงความเป็นเจ้าของคุณ หากแมวแสดงพฤติกรรมเช่นนี้กับคุณแล้ว จงภูมิใจได้ว่าเค้ารักคุณ


6. ทำไมแมวจึงต้องใช้ถาดทรายแมว เพราะแมวมักจะถ่ายบนถาดทรายเสมอ ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ดี โดยเป็นสัญชาติญาณในการดำรงชีวิตในป่า เนื่องจากในป่า แมวจะมีพฤติกรรมหลบซ่อนศัตรูที่ไม่ให้ใครพบเห็น ถือเป็นพฤติกรรมที่ถ่ายทอดกันมาอย่าง ยาวนาน นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมแมวจึงต้องการถาดทรายไว้หลบซ่อนของเสีย อันเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมนี้


7. ทำไมแมวจึงชอบเลียขน การเลียสามารถกำจัดเศษขนที่หลุดล่วงและสิ่งสกปรกต่างๆ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้มีการเจริญใหม่ของชั้นผิวหนังและขน ยิ่งกว่านั้นน้ำลายของแมวยังช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายของเค้าด้วย ลูกแมวจะรู้จักการเลียขนตั้งแต่แรกเกิดโดยมีแม่แมวเป็นผู้จัดการสอนเลียขนให้


"คุณควรตระหนักเสมอว่าแมวมีวิวัฒนาการธรรมชาติมาจากสัตว์ป่า ซึ่งอุปนิสัยเหล่านั้นยังคงอยู่ในร่างกายและจิตใจของแมวจวบจน ทุกวันนี้ คุณจึงควรให้ความรักและเข้าใจแมวของคุณ ร้องเรียกเหมียว... เหมียว... เดี๋ยวก็

การเลี้ยงดูลูกแมว


การเลี้ยงลูกแมวกำพร้าแม้ต้องมีตารางประจำวันในการให้อาหารที่เหมาะสม การขับถ่ายการเล่นและการนอนหลับ

โดยต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อความสำเร็จในการเลี้ยงลูกแมวต้องคำนึงถึง


1. โภชนาการและการหย่านม
2. สุขอนามัย
3. อุณหภูมิและความชื้น
4. การป้องกันโรค
5. การบำรุงและทำให้เข้ากับสังคม


ลูกแมวสุขภาพดีจะจ้ำม่ำแข็งแรง มีชีวิตชีวา หลับนาน ลูกแมวที่สุขภาพไม่ดีจะมีกล้ามเนื้อที่ไม่สมบูรณ์ ร้องบ่อยถ้าไม่ช่วยเหลือ อ่อนแอ ซึมเศร้า เฉื่อยชา


โภชนาการและการหย่านม


ลูกแมวจะได้รับน้ำนมน้ำเหลืองใน 12 ชั่วโมงแรก ลูกแมวจะดูดซึมภูมิคุ้มกันจากน้ำนมน้ำเหลืองได้ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกนับจากคลอด ในกรณีที่แม่แมวไม่สามารถเลี้ยงดูลูกแมวได้ ลูกแมวต้องดูดนมจากขวดหรือหลอดหยดตามแต่จะหาได้


การให้อาหารแบบหลอดผู้ให้ต้องได้รับการฝึกอย่างดี เพราะอาหารอาจเข้าสู่ปอดย่างไม่ตั้งใจทำให้หมดสติ การให้อาหารแบบหลอดจึงเสี่ยง อนุญาตให้ใช้เฉพาะในลูกแมวอ่อนแอซึ่งต้องอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์ ควรลูบหลังลูกแมวให้เรอระหว่างให้อาหารและหลังอาหาร โดยนำมันผาดไหล่ ให้ตัวตั้งตรงและตบหลังเบาๆ การให้น้ำนมจากขวดหรือหลอดต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการปอดบวมหรือการสำลักน้ำ
ใน 24-28 ชั่วโมงแรก ลูกแมวต้องการนม 1 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง แต่ละวันเพิ่มจำนวนขึ้น 0.5 มิลลิลิตร จนถึง 10 มิลลิลิตรต่อมื้อ จึงหยุดเพิ่ม ใน 1 วันลูกแมวควรได้รับอาหาร 6-9 มื้อ


ในช่วง 2 สัปดาห์ ให้อาหารลูกแมว 5-7 มิลลิลิตรต่อครั้ง


ช่วง 3 สัปดาห์ จะเริ่มให้อาหารอ่อน 3 เวลาต่อวัน และยังมีการให้นมจากขวดอยู่


ในสัปดาห์ที่ 4 ลูกแมวควรได้รับน้ำนมจากขวด 4-6 ครั้งต่อวันร่วมกับอาหารอ่อน 4-5 ครั้งต่อวัน ลดการให้อาหารช่วงกลางคืนลง ลูกแมวจะกินอาหารแข็งได้เมื่ออายุ 7 สัปดาห์


สัญญาณแรกของการเจ็บป่วย คือ น้ำหนักลด น้ำหนักของลูกแมวจะเพิ่มขึ้น 50-100 กรัมต่อสัปดาห์ เมื่อลูกแมวอายุ 14 วัน น้ำหนักจะเพิ่มเป็น 2 เท่าของน้ำหนักแรกเกิด ถ้าลูกแมวน้ำหนักไม่เพิ่มควรให้อาหารเพิ่มขึ้น
สุขอนามัย


ลูกแมวเกิดใหม่จะไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ เพราะกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ยังเจริญไม่สมบูรณ์ ลูกแมวต้องได้รับการกระตุ้นโดยใช้ผ้าขนหนูนุ่มๆ ชุบน้ำอุ่นลูบบริเวณทวารหนัก จะทำให้ลูกแมวปัสสาวะ อุจจาระภายใน 1-2 นาที โดยปกติลูกแมวอายุ 21 วัน จะขับถ่ายของเสียได้เอง หมั่นสังเกตปัสสาวะและอุจจาระของลูกแมว ปัสสาวะปกติควรมีสีเหลืองอ่อนหรือใส ถ้ามันมีสีเหลืองคล้ำหรือส้มแสดงว่าลูกแมวได้รับอาหารไม่เพียงพอ ปกติอุจจาระจะมีสีน้ำตาลจางหรือเข้ม อุจจาระสีเขียวแสดงถึงโรคติดเชื้อ ถ้าอุจจาระแข็งมากแสดงว่าให้อาหารทีละมากๆ แต่ให้ไม่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ท้องอืด มีแก๊ส หายใจไม่สะดวก
อุณหภูมิและความชื้น


ลูกแมวเกิดใหม่ยังไม่สามารถรักษาความร้อนของร่างกาย หรือสั่นตัวเพื่อให้เกิดความร้อนได้ จึงต้องมีที่ให้ความร้อนแก่ลูกแมว เช่น ตู้อบ เครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งถูกออกแบบสำหรับลูกสัตว์เกิดใหม่ จะช่วยรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้เหมาะสมและควรระมัดระวังอย่าให้ความร้อนสูงเกินไป ควรมีเทอร์โมมิเตอร์ในบริเวณนั้นเพื่อคอยสังเกตอุณหภูมิ ในสัปดาห์แรกอุณหภูมิควรอยู่ที่ 85-90 องศาฟาเรนไฮต์ ความชื้น 55-65% พอ 3 สัปดาห์ลดอุณหภูมิลงเป็น 75 องศาฟาเรนไฮต์ ลองสังเกตถ้าลูกแมวมาอยู่รวมกันแสดงว่ามันหนาวไป แต่ถ้าลูกแมวอยู่ห่างกันคนละมุมแสดงว่าร้อนไป ลูกแมวที่มีอุณหภูมิร่างกายต่ำควรทำให้อบอุ่นอย่างช้าๆ ภายใน 2-3 ชั่วโมง จนลูกแมวมีอุณหภูมิร่างกายปกติ 97 องศาฟาเรนไฮต์


ควรรักษาความชื้นโดยใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำวางเหนือกล่องที่ลูกแมวอยู่ จะช่วยเพิ่มความชื้นได้ ไม่ควนเลี้ยงลูกแมวในที่อับชื้น หรือบนพื้นที่ผุพัง เพราะจะทำให้เกิดเชื้อรา ซึ่งอาจเกิดโรคทางเดินหายใจได้ การควบคุมอุณหภูมินั้นสำคัญกว่าในเรื่องความชื้น ลูกแมวควรอยู่ในที่ที่มีผิวสัมผัสที่ดี เช่น ผ้าห่ม ขนแกะ จะช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวของลูกแมว


การป้องกันโรค


ลูกแมวอาจติดโรคได้ง่าย เช่น โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ถ้าหากไม่ได้รับน้ำนมเหลืองจากแม่ นมน้ำเหลือง 24 ชั่งโมงแรกหลังคลอดจะมีแอนติบอดีมากมาย ซึ่งแอนติบอดีจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ลูกแมวที่ไม่ได้กินนมน้ำเหลืองจะมีภูมิคุ้มกันโรคน้อย และควรฉีดวัคซีนให้ลูกแมวด้วย ลูกแมวอาจได้รับอันตรายจากพยาธิ จึงควรถ่ายพยาธิให้ลูกแมว เริ่มเมื่อลูกแมวอายุ 6 สัปดาห์ และถ่ายซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุ 8 และ 10สัปดาห์


การบำรุงและทำให้เข้ากับสังคม


เราควรลูบขน กอด และให้ลูกแมวเล่นกับคนประมาณ 30-40 นาทีต่อวัน นอกเหนือจากการให้อาหารและทำความสะอาดให้มัน ลูกแมวต้องการการกระตุ้น ควรปูรองพื้นกล่องที่ลูกแมวนอนด้วยวัสดุอ่อนนุ่ม ลูกแมวจะอบอุ่นและหลับสบาย สิ่งสำคัญคือทำให้เหมือนลูกแมวเป็นสมาชิกในบ้านในช่วง 3-6 สัปดาห์ จำไว้ว่ามันยังเด็ก ต้องจับอย่างทะนุถนอม แต่ต้องเริ่มฝึกลูกแมวให้คุ้นเคยกับเสียง การขับถ่าย คนแปลกหน้า และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ


สรุป ไม่ต้องกังวลว่าการเลี้ยงลูกแมวเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมีหนังสือที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย ลูกแมวสุขภาพดี มีความสุขที่คุณเลี้ยงมาคือรางวัลที่วิเศษที่สุด

การควบคุมดูแลแมวที่มีอายุมากเกี่ยวกับอาการของโรคต่างๆ



ถ้าแมวที่มีอายุมีท่าทางว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างเกี่ยวกับหน้าที่ของระบบต่างๆในร่างกายมากขึ้น อาจจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงจากการมีอายุมากขึ้น หรืออาจจะเกิดจากการมีโรคเกิดขึ้นก็ได้ ซึ่งเหล่านี้จะช่วยเตือนให้รู้ว่าเป็นโรคได้แต่เนิ่นๆ ขบวนการ



1.การควบคุมการกินอาหาร ว่าจะให้กินเมื่อใด กินอาหารประเภทไหน มีการกินหรือการกลืนลำบากหรือเปล่า และอาเจียนหรือไม่
2.การควบคุมการกินน้ำ โดยดูว่ามีการกินน้ำมากกว่าหรือน้อยกว่าปกติหรือไม่
3.การควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระโดยดูที่ สี ปริมาณ ความเข้มข้น ความถี่ในการขับถ่าย หรือดูว่ามีอาการเจ็บปวดขณะปัสสาวะหรืออุจจาระหรือไม่ หรือดูว่ามีการขับถ่ายเรี่ยราดหรือไม่
4.ชั่งน้ำหนักทุกๆ 2 เดือน
5.. มีการตรวจและตัดเล็บ ตรวจดูแผลตามตัว รวมถึงกลิ่นที่ผิดปกต การขยายใหญ่ของช่องท้องและดูว่ามีอาการขนร่วงหรือไม่
6..การควบคุมด้านพฤติกรรม ดูการนอน การแสดงออกต่อผู้คนรอบข้างมีอาการตกใจง่ายหรือไม่ และลักษณะท่าทางการนอนผิดปกติหรือไม่
7..การควบคุมด้านท่าทางและการเคลื่อนไหว เช่นมีการชักหรือไม่ การสูญเสียการทรงตัว หรือเจ็บขา
8.ดูความผิดปกติของการหายใจ หรือดูว่ามีการไอ มีการหอบหายใจ การจามหรือไม่
9.ดูแลสุขภาพฟัน แปรงฟันให้แมวอย่างสม่ำเสมอ ดูว่ามีสิ่งผิดปกติในปากหรือไม่ ดูปริมาณน้ำลาย และดูลักษณะสีของเหงือกว่าเป็นสีเหลือง ชมพูหรือม่วง
10.ควบคุมอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมว่าแมวของคุณมีความสุขสบายหรือไม่
11.พาไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์ของคุณเป็นประจำ


ลักษณะอาการที่พบบ่อยและโรคที่เกี่ยวข้อง

1. การเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม โรคที่เกี่ยวข้อง คือ ความเจ็บปวดจากข้ออักเสบหรือสภาวะอื่นๆ การสูญเสียการมองเห็นและการได้ยิน โรคตับ โรคไต โรค Hepatic lipidosis
2. การอ่อนเพลียหรือเหนื่อยง่าย โรคที่เกี่ยวข้อง คือ การทำงานผิดปกติของ Mitral valve โรคหัวใจ โรคโลหิตจาง โรคอ้อน โรคมะเร็ง
3.การเปลี่ยนแปลงในด้านความกระตือรือร้นของร่างกาย โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรค Hyperthyroidism โรคข้ออักเสบ ความเจ็บปวดต่างๆ ความอ้วน โลหิตจาง ความผิดปกติของ Mitral valve และโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคมะเร็ง
4.น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น โรคที่เกี่ยวข้อง คือ ความอ้วน
5.น้ำหนักลด โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคมะเร็ง โรคไต โรคตับ โรคของระบบทางเดินอาหาร การกินอาหารลดลง Hyperthyroidism Hepatic lipidosis โรคฟัน ความผิดปกติของลิ้นหัวใจ Mitral valve โรคหัวใจ การอักเสบของลำไส้
6.การไอ โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคหอบ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคมะเร็ง
7.การดื่มมากและปัสสาวะบ่อย โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคเบาหวาน โรคตับ โรคไต Hyperthyroidism
8.การอาเจียน โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคไต โรคตับและโรคของระบบทางเดินอาหาร
9.อาการท้องเสีย โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคของระบบทางเดินอาหาร การอักเสบของลำไส้ โรคไต โรคตับ และอาจเกิดจากการเปลี่ยนอาหารเร็วเกินไป
10.การชัก โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคลมชัก ( Epilepsy ) โรคมะเร็ง โรคตับ โรคไต
11.อาการลมหายใจเหม็นผิดปกติ โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคฟัน โรคมะเร็งในช่องปาก โรคไต
12.อาการขาเจ็บ โรคที่เกี่ยวข้อง คือ การลุกลำบาก การเดินผิดปกติ ข้ออักเสบ ความอ้วน เบาหวาน
13.การกลั้นปัสสาวะไม่ได้หรือการถ่ายเรี่ยราด โรคที่เกี่ยวข้อง คือ การเป็นเนื่องจากข้ออักเสบ การอักเสบของลำไส้ Bladder stones โรคมะเร็ง
14.อาการบวมและการกระแทก โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคมะเร็งและเนื้องอกต่างๆ
15.การเปลี่ยนความอยากของอาหาร โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคตับ โรคไต ความเครียดและความเจ็บปวดต่างๆ อาจเกิดจากฤทธิ์ของยา โรคปากและฟัน Hyperthyroidism และ Hepatic lipidosis

โรคพยาธิหนอนหัวใจ


โรคพยาธิหนอนหัวใจในแมวคืออะไรโรคพยาธิหนอนหัวใจในแมวมีความรุนแรงและสามารถทำให้แมวป่วยตายได้ โรคนี้เกิดจากพยาธิ Dirofilaria immitis ซึ่งเป็นพยาธิชนิดเดียวกันกับพยาธิที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคพยาธิหนอนหัวใจในสุนัข แต่จากรายงานการวิจัยเร็วๆ นี้แสดงให้เห็นว่า พยาธิชนิดนี้ทำให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงและทำให้แมวตายอย่างปัจจุบันทันด่วนได้


แมวเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจได้อย่างไรแมวสามารถเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจได้ด้วยวิธีเดียวกับที่สุนัขเป็น ยุงคือพาหะของโรคพยาธิหนอนหัวใจ ด้วยการกัดกินเลือดจากสุนัขที่ป่วยด้วยโรคนี้ หลังจากนั้นจึงแพร่เชื้อ (ตัวอ่อนระยะติดต่อ)ไปยังสุนัข หรือแมวอีกตัวหนึ่ง เมื่อยุงไปกัดกินเลือด



แมวที่อยู่อย่างไร ที่ไหนจึงเสี่ยงต่อการเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจที่ใดก็ตามที่สุนัขมีความเสี่ยงต่อการติดโรค เช่น อยู่ในบริเวณที่มีการระบาดของโรค หรือมีสุนัขที่ป่วยด้วยโรคพยาธิหนอนหัวใจอยู่ร่วมด้วยโดยไม่ได้รับการรักษา ทำให้เป็นตัวกักโรค สามารถเป็นแหล่งแพร่เชื้อให้กับสุนัขและแมวตัวอื่นๆ ได้ แมวที่อยู่ภายในบ้านก็สามารถติดโรคนี้ได้เช่นกัน ในต่างประเทศพบว่าแมวกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ที่อยู่ร่วมกับสุนัข หรืออยู่ในบริเวณที่มีสุนัขป่วยด้วยโรคนี้มีความเสี่ยงที่จะติดโรคนี้ได้ สำหรับในประเทศไทยการรายงานพบโรคพยาธิหนอนหัวใจยังมีน้อย แต่สุนัขที่ป่วยด้วยโรคพยาธิหนอนหัวใจมีมาก







อาการของแมวที่พบว่าเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจที่สามารถพบได้บ่อยได้แก่ :
ไอ
หายใจลำบาก
อาเจียน
เงื่องหงอย ซึม
น้ำหนักตัวลดลง
อาการอื่นๆ ที่สามารถพบได้ :
หมดสติ
ชัก
ตายอย่างกระทันหัน (sudden death)



อาการเหล่านี้อาจจะพบได้ในแมวที่ป่วยด้วยโรคอื่นๆ เหมือนกัน ที่ดีควรนำแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย



โรคพยาธิหนอนหัวใจในแมวรักษาได้อย่างไรปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้สำหรับการรักษาโรคพยาธิหนอนหัวใจในแมว มีวิธีการป้องกันการเป็นโรคพยาธิหนอนหัวใจในแมวได้อย่างไรการป้องกันเป็นวิธีการที่ดีทีสุด ควรปรึกษาสัตวแพทย์

Chiggers ( Harvest mites)


ลักษณะของโรค : เป็นโรคที่เกิดตามฤดูกาล มีสาเหตุมาจากตัวอ่อนของพวกChigger


อาการของโรค : คัน บวม ปกติจะเกิดที่เท้า ท้อง และตามรอยพับที่ฐานของหู


การวินิจฉัย : สังเกตเห็นตัวอ่อนของหมัด การตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์


การรักษา : Permethrin (เฉพาะสุนัขเท่านั้น ) หรือ Pyrethrin

Pelodera Dermatitis


ลักษณะของโรค : การติดเชื้อโดยบังเอิญจากพวกพยาธิตัวอ่อนของหนอนพยาธิที่บริเวณฟางข้าวหรือวัตถุอื่นๆ


อาการของโรค : อาการคันอย่างรุนแรง ผิวหนังแดง


การวินิจฉัย : ผิวหนังถลอก ตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์


การรักษา : ย้ายที่นอน อาบน้ำด้วยแชมพูที่มีสารป้องกันเชื้อแบคทีเรีย ใช้สารพวก steroids ถ้าจำเป็น ในการควบคุมอาการคัน

หมัดในหู(Ear Mites)


ลักษณะของโรค : การติดเชื้อพวก Otodectes


อาการของโรค : คันอย่างรุนแรงที่หู แดง มีขี้หู


การวินิจฉัย : ผิวหนังถลอกและตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์


การรักษา : ทำความสะอาดหู และใช้ยาพวก pyrethrin (Ear miticide)

การติดเชื้อจากแบคทีเรีย(Bacteria infection)


ลักษณะของโรค : มักเป็นผลมาจากโรคหรือภาวะอื่น


อาการของโรค : ผิวหนังแดง มีตุ่มหนองเล็กๆตามผิวหนัง บวม บางที่อาจมีอาการคัน


การวินิจฉัย : การตรวจร่องรอยด้วยกล้องจุลทรรศน์ การเพาะเชื้อ


การรักษา : การรักษาอาการแทรกซ้อน ให้กินหรือ /และทา antibiotic

ผิวหนังหนาอักเสบจากการเลีย แทะ( neurodermatitis : acral lick Dermatitis (dogs) , Psychogenic dermatitis (cats))


ลักษณะของโรค : การเลียมีผลมาจากภาวะการบอบช้ำทางจิตใจ ความวิตกกังวล ความเบื่อหน่าย ความเครียด (เช่น การมีสมาชิกใหม่เข้ามาในบ้าน


อาการของโรค : ผิวหนังแดง ขนร่วง เป็นวง โดยปกติจะเกิดที่ขาหน้าในแมว : ขนร่วง ผิวหนังแฉะบริเวณท้อง ขาหนีบ หลัง


การวินิจฉัย : ตรวจสอบหาสาเหตุอื่น และดูประวัติสัตว์เป็นสำคัญ


การรักษา : ช่วยลด ผ่อนคลายอาการหรือสาเหตุที่ซ่อนเร้นอยู่ เช่น ความวิตกกังวล

พยาธิปากขอ(Hookworms )


ลักษณะของโรค : เกิดติดเชื้อจากตัวอ่อนของพยาธิปากขอ


อาการของโรค : บวมแดง โดยปกติจะเป็นที่เท้า อุ้งเท้าขรุขระ การยาวของเล็บผิดปกติ คัน


การวินิจฉัย : ตรวจร่างกายและตรวจประวัติ มักได้รับการสุขาภิบาลที่ไม่เพียงพอ


การรักษา : รักษาการติดเชื้อของระบบลำไส้ ย้ายสัตว์ไปยังสภาพแวดล้อมใหม่

การอักเสบของผิวหนังที่มีรอยพับย่น(Skin Fold Dermatitis)


ลักษณะของโรค : เกิดบริเวณที่มีการพับของผิวหนัง เช่น บริเวณริมฝีปาก ปากช่องคลอด หน้า ( ในสุนัขพันธุ์ bulldog)


อาการของโรค : ผิวหนังแดง แฉะ คัน


การวินิจฉัย : การตรวจร่างกาย การตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อหาหลักฐานของการติดเชื้อ


การรักษา : การรักษาการติดเชื้อ ทำความสะอาดทุกวัน ในกรณีรุนแรงควรได้รับการผ่าตัดทำศัลยกรรม

เหา ( Lice )


ลักษณะของโรค : การติดเชื้อจากพวกเหา


อาการของโรค : มีอาการไม่แน่นอน : คัน ขนร่วง หยาบ ผิวหนังแข็ง


การวินิจฉัย : พบตัวเหาหรือไข่เหาบนผิวหนังหรือขน


การรักษา : Permethrin (เฉพาะสุนัขเท่านั้น) หรือ Pyrethrin , ivermectin

เนื้องอกร้ายของต่อมน้ำเหลืองของผิวหนัง(Cutaneous Lymphoma)


ลักษณะของโรค : เป็นโรคมะเร็งผิวหนังที่ไม่ค่อยพบ


อาการของโรค : คัน ผิวหนังแดง เกิดตุ่มเล็กๆ แผลเปื่อย


การวินิจฉัย : ตัดเนื้อเยื่อบริเวณที่เป็นโรคไปทำการตรวจวินิจฉัย


การรักษา : โดยปกติแล้วจะไม่ไม่ได้รับการตอบรับในการรักษา

ตุ่มพุพอง : ผิวหนังชื้นแฉะ( Hot spots : acute moist dermatitis )


ลักษณะของโรค : เป็นผลมาจากการถูกหมัดกัด โรคขี้เรื้อนและโรคต่อมทวารหนัก การได้รับการทำความสะอาดไม่เพียงพอ การติดเชื้อที่หู ดอกหรือฝักของต้นไม้ที่ติดตามขน การอักเสบของข้อต่อ


อาการของโรค : ขนร่วง ผิงหนังแดง แฉะจะทำให้เกาและเลีย


การวินิจฉัย : การตรวจและซักประวัติ


การรักษา : การรักษาอาการแทรกซ้อน ทำความสะอาดบริเวณที่เป็น ใช้ Demeboro solution ให้กินหรือทา antibiotic หรือ steroids

การติดเชื้อจากยีสต์ (Yeast Infection)


ลักษณะของโรค : โดยส่วนใหญ่จะติดเชื้อจาก Malassezia หรือแอบแฝงมากับโรคอื่น


อาการของโรค : คัน ผิวหนังแดง แห้ง


การวินิจฉัยโรค : ผิวหนังถลอก ตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์ การเพาะเชื้อ


การรักษา : รักษาโรคแทรกซ้อน ให้กิน ketoconazole , miconazole อาบน้ำด้วยแชมพู

โรคกลากวงเดือน (Ring worm)


ลักษณะของโรค : เกิดการติดเชื้อจากเชื้อราบางชนิด


อาการของโรค : ขนร่วง ผิวหนังเป็นสะเก็ด ผิวหนังจะมีบริเวณเป็นเปลือกแข็ง คันบ้างเล็กน้อย


การวินิจฉัยโรค : การเพาะเชื้อ


การรักษา : Micronazole , lime sulfer dips, ให้กิน griseofulvin หรือ itraconazole

โรคขี้เรื้อนในแมว (Notoedric mange in cats)


ลักษณะของโรค : เกิดการติดเชื้อจากตัวหมัด Notodres


อาการของโรค : เกิดอาการคันอย่างรุนแรง


การวินิจฉัยโรค : ผิวหนังถลอก ตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์


การรักษา : Lime sulfer dips , Ivermectin

โรค Cheyletiella ( Rabbit Fur Mite) Mange


ลักษณะของโรค : เกิดการติดเชื้อจากตัวหมัด Cheyletiella

อาการของโรค : คัน ผิวหนังเป็นสะเก็ด

การวินิจฉัยโรค : ผิวหนังถลอก ตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งตัวหมัดชนิดนี้หาพบยากมาก

การรักษา : Permethrin (ใช้ในสุนัขเท่านั้น หรือ Pyrethin

โรคขี้เรื้อนขุมขน( Demodectic mange or red mange)


ลักษณะของโรค : การติดเชื้อจากตัวหมัดชนิด Demodex เกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันโรคผิดปกติ


อาการของโรค : ขนร่วง ผิวหนังเป็นสะเก็ด แดง มีตุ่มหนองเล็กๆที่ผิวหนัง มีอาการคัน


การวินิจฉัยโรค : ผิวหนังถลอก ตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์


การรักษา : ไม่ใช้สาร steroids สามารถใช้ amitraz (mitaban) dips

โรคขี้เรื้อนตัวไร( Sarcoptic mange)


ลักษณะของโรค : การติดเชื้อจากตัวไรชนิด "Sarcopes"


อาการของโรค : เกิดอาการคันอย่างรุนแรง


การวินิจฉัยโรค : ผิวหนังลอก ตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งตัวหมัดชนิดนี้หาพบยากมาก


การรักษาโรค : Amitraz dips , ivermectin

ผิวหนังอักเสบอันเกิดจากหมัด(Flea Allergy Dermatitis: Flea Bite Hypersensitivity


ลักษณะของโรค : น้ำลายของหมัด

อาการของโรค : ผิวหนังแดง มีอาการคันอย่างรุนแรง ขนร่วง บางครั้งอาจจะทำให้เกิดการอักเสบ หรือพุพอง ผิวหนัง คัน

การวินิจฉัยโรค : การพบตัวหมัด การทดสอบการตอบสนองต่อผิวหนังชั้นใน

การรักษาโรค : การควบคุมหมัดในสภาพแวดล้อมและบนตัวสัตว์ การใช้ steroids และ antihistaminesสำหรับอาการคัน

การแพ้และระคายเคืองต่อสิ่งที่มาสัมผัสผิวหนัง ( Allergic and Irritan Contact Dermatitis)


ลักษณะของโรค : แพ้สิ่งที่ไปสัมผัส เช่น พวกขน สัตว์หรือพลาสติก


อาการของโรค : ผิวหนังแดงและบวมหรือเป็นแผลพองที่บริเวณผิวหนังที่มีขนบางๆ เกิดการระคายเคืองของผิวหนัง คัน


การวินิจฉัยโรค : เอาผ้ามาปิดแผล ป้องกันการติดเชื้อ


การรักษาโรค : กำจัดสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งที่แพ้ ใช้ steroids antihistamines

โรคภาวะแพ้อาหาร(Food Allergy)


ลักษณะของโรค


แพ้อาหารบางชนิด


อาการของโรค


เลียหรือแทะเท้า มีอาการอักเสบที่หู มีอาการคัน ผิวหนังเป็นผื่นแดง อาจจะเกิดการติดเชื้อหรือ พุพอง


การวินิจฉัยโรค


จำกัดอาหาร


การรักษาโรค


เปลี่ยนอาหาร

โรคภาวะภูมิแพ้ทางพันธุกรรม ( การอักเสบของผิวหนัง) : Atopy( Allergy inhalant Dermatitis )


ลักษณะของโรค


การแพ้เกิดจากการที่สัตว์หายใจเอาละอองเกสร ดอกไม้ ตัวหิด และเชื้อราเข้าไป


อาการของโรค


เลียหรือแทะเท้า มีอาการอักเสบที่หู มีอาการคัน ผิวหนังเป็นผื่นแดง อาจจะเกิดการติดเชื้อหรือ พุพอง


การวินิจฉัยโรค


ตรวจอาการอักเสบของผิวหนังชั้นในและซีรัม


การรักษาโรค


หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งที่สัตว์แพ้ ใช้พวกsteroids กรดไขมัน ส่วนเพิ่มเติม : ใช้ "bactin" antihistamines แชมพู " การรักษาด้านภูมิคุ้มกัน



ความผิดปกติที่พบบ่อยในแมว


1. อาเจียน การอาเจียนในแมวอาจพบได้เป็นปกติในกรณีที่แมว รู้สึกไม่สบายตัว แล้วจึงไปกินหญ้าเพื่อให้อาเจียนออกมา แต่ถ้านอกจากนี้ หรือพบว่าแมวอาเจียนบ่อยมาก นั่นหมายถึงว่าเกิดความผิดปกติขึ้นแน่นอน การอาเจียนนั้นจะต้องเกิดหลังจากกินอาหารเข้าไปอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ถ้าเกิดเร็วกว่านั้นมักจะเรียกว่าการสำรอก ซึ่งจะมีสาเหตต่างกันสาเหตุของการอาเจียน :แบ่งได้ 3 สาเหตุใหญ่ๆคือ การติดชื้อภายในร่างกาย ความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร และความผิดปกติในระบบการทำงานของร่างกายนอกเหนือจากทางเดินอาหาร สำหรับการวินิจฉัย : จำเป็นจะต้อง ใช้การตรวจเลือด การเอ็กซเรย์ หรืออาจจะต้องใช้กล่องตรวจภายใน ดังนั้นท่านเจ้าของไม่ควรนิ่งนอนใจเมื่อแมวของท่านเกิดอาเจียนขึ้นมา


2. ท้องเสีย อาการท้องเสีย หรือถ่ายเหลวสามารถพบได้บ่อยในแมว สามารถแบ่งลักษณะการท้องเสียตามอาการและความรุนแรง ได้ 3 ประเภทใหญ่คือ ถ่ายเหลวเป็นน้ำ สาเหตุมักเกิดจาก อาหาร การติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ป่วยด้วยโรคอื่นๆ ถ่ายเหลวเป็นเมือก มักเกิดจาก พยาธิ และปาราสิตบางชนิด ถ่ายเหลวเป็นเลือด มักเกิดจากมีบาดแผลในลำไส้ พยาธิ ปาราสิตบางชนิด ไวรัส หรือแบคทีเรียบางชนิด สำหรับความรุนแรงของโรคนั้นมีตั้งแต่ป่วยเล็กน้อย จนถึงตาย ดังนั้นเมื่อมีอาการท้องเสียควรนำแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อหาสาเหตุและการรักษาที่ถูกต้อง


3. น้ำลายไหล เมื่อแมวมีอาการน้ำลายไหลออกมามากเกินไป อาจจะมีสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น แพ้ยาหรือสารเคมีบางอย่าง ติดเชื้อไวรัสบางชนิด กินยาเบื่อหนู ความรุนแรงอาจจะถึงตายได้ดังนั้นควรนำไปพบหมอเพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาโดยด่วน


4. ไอ แมวที่มีอาการไอ มักจะมีปัญหาที่หลอดลม หรือปอด อาจจะเกิดจากสาเหตุของการติดเชื้อ ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด การวินิจฉัยที่ได้ผลมักจะต้องเอ็กซเรย์ หรือต้องใช้กล้องตรวจภายในส่องดู บางทีอาจจะต้องเช็คเลือดด้วย


5. จาม บางตรั้งแมวที่มีสุขภาพแข็งแรงดีก็อาจจะจามได้ เมื่อรู้สึกระคายเคืองที่จมูก แต่ถ้าการจามนั้นบ่อย หรือร่วมกับการมีน้ำมูก นั่นแสดงว่าป่วยซะแล้ว สาเหตุอาจเกิดจากแบคทีเรีย หรือไวรัส ต้องพาไปตรวจก่อนจะสายเกินไป ไม่งั้นอาจจะลุกลามจนทำให้เป็นปอดบวมได้


6. ท้องผูก แมวพันธุ์ขนยาวมักจะมีปัญหาท้องผูกอยู่เสมอ เพราะมักจะเลียกินเศษขน เข้าไปจนไปอุดตันในลำไส้ นอกจากนี้แมวที่มีปัญหาเรื่องเชิงกรานแคบก็จะมีปัญหาเรื่องท้องผูกอยู่เหมือนกัน การวินิจฉัย: จะใช้การคลำร่วมกับ การถ่ายภาพเอกซเรย์ การป้องกัน: จะต้องให้แมวกินอาหารที่มีกากเยอะๆจะได้ช่วยในการขับถ่ายได้ง่าย นอกจากนี้ก็จะมีผลิตภัณฑ์ สำหรับป้องกันการท้องผูกขายอยู่ด้วย


7. ฉี่ไม่ออก อาการฉี่ไม่ออก มักพบได้บ่อยในแมวตัวผู้มากกว่าตัวเมีย เพราะตัวผู้มักจะมีเศษไขมันที่เกิดในทางเดินปัสสาวะไปอุดตันที่ปลายท่อทำให้ฉี่ไม่ออก เมื่อคลี่ปลายท่อปัสสาวะก็จะสามารถพบเศษไขมันนั่นได้ เจ้าของสามารถดึงเอาออกได้ เองแต่ถ้าไม่แน่ใจควรปรึกษาหมอสำหรับสาเหตุอื่นๆ : อาจจะเกิดจากความผิดปกติของไต นิ่ว เป็นต้นการวินิจฉัย: มักจะใช้การตรวจเลือด การตรวจปัสสาวะ และการเอ็กซเรย์ ไม่ควรปล่อยให้แมวอั้นฉี่ไว้นานเพราะจะมีผลต่อการทำงานของไต และระบบอื่นๆในร่างกายได้ ควรรีบนำแมวไปให้หมอตรวจหากพบว่าแมวพยายามฉี่ แต่ฉี่ไม่ออกอยู่หลายครั้ง


8. ฉี่เป็นเลือด อาการฉี่เป็นเลือด เป็นอาการที่ไม่ค่อยดีนัก สาเหตุมักจะเกิดจากนิ่ว การติดเชื้อ เป็นต้น ไม่ควรนิ่งนอนใจควรพาแมวไปพบหมอโดยด่วน เพราะอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

โรคไข้หัดแมว

โรคนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าโรคลำไส้อักเสบติดเชื้อไวรัสในแมว เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปและเกิดในแมวทุกอายุ แมวทุกตัวควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ เนื่องจากไม่สามารถระวังให้แมวไม่สัมผัสกับเชื้อโรคนี้ได้ โดยเชื้อนี้จะ


มีผลกับอวัยวะต่างๆของร่างกาย ทำให้เกิดอาการไข้ เบื่ออาหาร อาเจียน ท้องเสีย แสดงสภาวะขาดน้ำ อ่อนเพลีย ตัวสั่นและเดินไม่ตรง แมวอาจตายภายใน 1 สัปดาห์ ลูกแมวที่เป็นโรคนี้ 3 ใน 4 ตัวจะตาย แมวที่มีอายุเมื่อเป็นโรคนี้จะมีอัตราการตาย 50% ดังนั้นควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ในลูกแมวอายุ6-12สัปดาห์ และฉีดกระตุ้นซ้ำทุกปี ลูกแมวที่อายุน้อยกว่า 12 สัปดาห์ ควรฉีดวัคซีนนี้ 2-3 ครั้ง ห่างกัน 2-3สัปดาห์

หางของแมวบ่งบอกถึงอารมณ์ของแมวได้

ถ้าหางม้วนห้อยลง แต่ส่วนปลายหางม้วนชี้ขึ้น :แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกสบายและผ่อนคลาย

ถ้าหางของมันยกขึ้นเล็กน้อยและม้วนเล็กน้อยอย่างนุ่มนวล : แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังรู้สึกเริ่มที่จะสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

ถ้าหางของแมวตั้งขึ้น แต่ปลายหางเอียง ไม่ว่าจะเป็นการเอียงไปข้างหน้า หรือข้างหลัง :แสดงว่าแมวตัวนี้กำลังสนใจและมีความรู้สึกเป็นมิตรต่อสิ่งที่สนใจ

ถ้าหางตั้งตรงและปลายหางตั้งตรงในแนวดิ่ง :แสดงว่าแมวกำลังมีอารมณ์ดี รู้สึกเป็นมิตร เมื่อได้พบกัน

ถ้าหางของแมวตั้งตรง โดยที่หาง หรือปลายหางกระดิก หรือสั้นอย่างนุ่มนวล : แสดงว่าแมวกำลังแสดงความชอบ ความรัก (showing affection).

ถ้าหางของแมวอยู่นิ่งๆ แต่จะมีการกระตุกเป็นครั้งคราว : แสดงว่าแมว รู้สึกว่าถูกรบกวน หรือมีความกังวล ทุกข์

ถ้าหางของแมวนิ่ง แต่ปลายหางมีการกระตุกอย่างหนัก : แสดงว่าแมวกำลังรู้สึกโกรธมาก

ถ้าหางของแมวสะบัดอย่างรุนแรงจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง : แสดงว่าแมวกำลังโกรธ*

ถ้าหางแมวเหยียดตรงชี้ขึ้น แต่ขนที่หางลุกชัน : แสดงว่าThe cat is แมวกำลังดุร้ายก้าวร้าว

ถ้าหางของแมวโค้งและขนตั้งชัน : แสดงว่าแมวอาจจะตรงเข้าทำร้ายได้ ถ้ามีการกระตุ้นเร้าเพิ่มอีก

ถ้าหางของแมวทอดตัวต่ำลงและลุกพองออก : แสดงว่าแมวกำลังกลัว

ถ้าหางของแมวยกขึ้นและขนลุกพองออก ทำให้ดูเหมือนมีหางขนาดใหญ่ :แสดงว่าแมวอาจจะ มีความสุขไปกับการวิ่งไล่ขับกันไปรอบๆ

ถ้าหางของแมวลดตัวลงต่ำมาก บางครั้งอาจจะพบว่าซุกอยู่ระหว่างขาหลัง :อาจจะแสดงว่าแมวกำลังยอมแพ้

ถ้าหางของแมวทอดตัวอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง และแมวหมอบ หรือย่อตัวอยู่ หรือยกส่วนตะโพกสูงขึ้น : แสดงว่าแมวตัวเมียตัวนั้นพร้อมที่จะรับการผสมพันธุ์ mate.

การถอดเล็บ





ปัจจุบันความนิยมในการเลี้ยงแมวไว้เป็นเพื่อนเริ่มมีมากขึ้น แมวเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยดุร้าย กิจกรรมประจำวันมักจะนอน แต่มักจะไม่หลับนอนในเวลากลางคืน ในบางครั้งแมวที่เราเคยเลี้ยงไว้หนีไปเที่ยวเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน หรือไม่เคยกลับมาอีกเลย ไม่ค่อยมีใครทราบเหมือนกันว่า แมวไปไหน หรือในบางครั้งแมวถูกสุนัขทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต หรือถูกรถชน กรณีอย่างนี้ผู้ที่รักแมวมักจะหาแมวตัวใหม่มาเลี้ยง บางครั้งมีแมวตัวใหม่มาป้วนเปี้ยนบ้านเรา เราให้อาหารกับมันทุกวัน ทุกวัน.... แล้วก็เป็นแมวของเราไปเอง.. (แมวเราที่หนีไปเที่ยวอาจจะไปมีชีวิตแบบด้วยก็ได้... แล้วมีผู้ใจบุญให้อาหารมัน ... มันเลยไม่กลับมาอีก ก็อาจจะเป็นไปได้) บางครั้งไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงหรอก ให้อาหารไปวันๆ แต่เผลอแผล็บเดียว... เหมียวน้อยเต็มไปหมดเลย.. คราวนี้ต้องเลี้ยงกันยาวเลย...




สังคมปัจจุบันเริ่มตระหนักแล้วว่า สัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนที่ดี.. ซื่อสัตย์.. ไม่บ่น.. ไม่เถียง.. ถ้าโชคดีถ้าสัตว์เลี้ยงบางชนิดที่สามารถฝึกได้..ใช้งานได้อีก ... นั่นหมายความว่าเราไม่อาจจะคิดว่า สัตว์เลี้ยงเป็นเพียงสิ่งของ หรืออะไรสักอย่างที่ไม่ใส่ใจก็ได้ไม่ได้เสียแล้ว คงต้องดูแลเหมือนสมาชิกในครอบครัวตัวหนึ่งแล้วหละ ต้องนำมันไปฉีดวัคซีนป้องกันโรค ต้องให้อาหารที่ดีมีคุณค่า ให้อยู่ในที่ที่จัดให้(กรง หรือภายในบริเวณบ้าน) สัตว์เลี้ยงอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับผู้ป่วยบางประเภท หรือแม้แต่คนชรา


แมวเป็นสัตว์เลี้ยงอีกชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยม ด้วยความน่ารัก ชอบประจบ คลอเคลีย อันเป็นเสน่ท์ที่เจ้าของหลงใหล แต่การเลี้ยงแมวในบ้านมีปัญหาที่สำคัญประการหนึ่งคือ แมวมักจะชอบลับเล็บด้วยการข่วนเล็บของมันกับโซฟา ตู้ หมอน ทำให้เกิดความเสียหาย ถ้าปัญหาดังกล่าวมีมาก เจ้าของบางคนอาจจะเลือกวิธีการการถอดเล็บของมัน เพื่อป้องกันการทำลายสิ่งของจากการข่วนหรือลับเล็บของมัน แต่บางคนอาจจะคิดว่าเป็นวิธีการที่โหดร้าย ไม่เป็นสิ่งที่น่าทำ เมื่อลองจินตนาการดูนิ้วมือของเราเอง ปรากฎว่าไม่มีเล็บนั่นแหละคือการถอดเล็บ โดยทั่วไปการถอดเล็บมักจะทำกับสัตว์ชนิดอื่นๆ ไม่ใช่แมว เช่น เสือ หรือหมี เพราะมีโอกาสทำร้ายผู้เลี้ยงได้


การถอดเล็บไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เรามองเห็น แต่การถอดเล็บเป็นการตัด หรือทำลาย ทั้งประสาทรับความรู้สึกและประสาทสั่งงาน(sensory nerves and motor) โดยที่ภายหลังการทำการผ่าตัดถอดเล็บสามารถนำแมวกลับบ้านได้เลย


แต่ภายหลังการผ่าตัดถอดเล็บ แมวมักจะมีความเจ็บปวด ไม่สามารถเดินได้ถนัดนัก แมวอาจจะซึม ไม่สดชื่น เนื่องจากแมวยังไม่สามารถเดิน วิ่งเล่น ปีน ลับเล็บได้เหมือนอย่างที่มันเคยทำ การถอดเล็บจึงอาจจะทำร้ายแมวได้ แมวอาจจะเปลี่ยนนิสัยได้ มันอาจจะไม่ค่อยไว้ใจใครอีกต่อไป เป็นแมวขี้กลัว หรือดุร้ายมากขึ้น หรือขี้ขลาดไปเลย ถ้าการทำศัลยกรรมทำได้ไม่ดีนัก แมวอาจจะเจ็บขา เดินไม่ถนัด ต้องผ่าตัดแก้ไขอีก แต่โชคดีบ้านเราไม่ค่อยมีเจ้าของแมวนำแมวมาถอดเล็บ แต่มีการนำเสือ หมีมาทำแทน


พึงระลึกด้วยว่า ปัญหาการลับเล็บของแมว หรือการข่วนเฟอร์นิเจอร์ เป็นปัญหาที่เล็กน้อยไม่ใหญ่โตมากนัก ที่สำคัญเราสามารถนำวัตถุที่เราเตรียมไว้สำหรับการลับเล็บให้กับมันได้ ที่เรียกว่า "scratching post" สามารถฝึกได้ แต่การถอดเล็บเป็นสิ่งที่อาจจะดูโหดร้ายสำหรับเราชาวพุทธ

ตัวผู้หรือตัวเมีย


แมวตัวผู้


ตัวโตกว่า น้ำหนักมากกว่า ร้องดังกว่า กระโดดสูงกว่า ปีนป่ายเก่งกว่า ไวกว่า แข็งแรงกว่า ซนกว่า จับสัตว์เก่งกว่า ชอบเที่ยวนอกบ้าน และไม่สนใจเจ้าของเท่าแมวตัวเมีย

แมวตัวเมีย


ตัวเล็กกว่า ตัวเบากว่า ร้องค่อยกว่า กระโดดเตี้ยกว่า ปีนไม่ค่อยเก่ง ไวสู้ตัวผู้ไม่ได้ อ่อนแอกว่า เรียบร้อยกว่า จับสัตว์ไม่เก่ง อยู่ติดบ้าน และชอบอยู่ใกล้เจ้าของมากกว่าแมวตัวผู้ ข้อเสียหลักของแมวตัวเมียคือ ตกลูกบ่อย

หากคุณคิดจะเลี้ยงแมวเพื่อจับหนู ก็ควรเลือกแมวตัวผู้ แต่ถ้าคิดจะเลี้ยงไว้ดูเล่น แมวตัวเมียจะสร้างความเสียหาย และความปวดหัวให้น้อยกว่า
การมองเห็น(Sight)



วิธีการล่าเหยื่อของแมว มีท่าทางการจ้องมองด้วยดวงตาทั้งสองข้างพร้อมทั้งการได้ยิน ของเสียงด้วยระบบการได้ยินของใบหูทั้งสองส่วนจัดสัมพันธ์กันเป็นองค์ประกอบด้านสื่อ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ได้ดีเป็นพิเศษ แต่แมวไม่สามารถที่จะแยกแยะในส่วนของสี ที่จะช่วยให้มันมองเห็นเป็นรูปร่างได้ทันที เนื่องจากหลังม่านกระจกแก้วตาแมวนั้นมีสิ่งกีดขวาง จึงไม่ช่วยให้แมวมองเห็นวัตถุได้อย่างใกล้ชิด การที่ลูกนัยน์ตาแมวทั้งสองข้างมองเห็นได้นั้นเกิดจาก การควบคุมของระบบประสาทจึงทำให้มันมองเห็นภาพในระยะไกลได้ดีกว่าระยะใกล้ ลูกตาของแมวสามารถเคลื่อนมองได้กว้างถึง 205 องศา ทำให้แมวมองได้รอบทั่วบริเวณ ที่แคบๆ ส่วนบริเวณพื้นที่กว้างๆ การเคลื่อนไหวของรูปร่างจะทำได้เพียงเล็กน้อยเนื่องจาก ระบบการมองเห็นที่ไม่อำนวยต่อมันนั่นเอง


การดมกลิ่น(Smell)



แมวได้ถูกพัฒนาความสามารถในระบบการรับรู้กลิ่นได้ดีเป็นอย่างยิ่ง สำหรับลูกแมวที่เกิดใหม่ ก่อนที่มันจะลืมตาได้นั้น มันจะใช้กลิ่นเป็นตัวนำเพื่อให้มันสามารถดูดนมแม่ได้ถึงแม้ว่าตายังไม่เปิด บริเวณหน้าผากของแมวจะมีต่อมผลิตกลิ่นพิเศษที่เรียกว่า สารฟีโรโมส์(Pheromose)เป็นกลิ่นเฉพาะ ของมัน การที่เราเห็นแมวชอบเอาศีรษะมาถูหรือสัมผัสกับคนเราหรือสิ่งของใดๆนั้น แสดงว่า มันได้ปล่อยกลิ่นของมันไว้ มันจึงแยกแยะรับรู้จากกลิ่นต่างๆที่เกิดขึ้นมาแล้วได้ การปล่อยกลิ่นไว้ในที่ต่างๆ ก็สามารถใช้แสดงความเป็นเจ้าของในสิ่งนั้นของมันได้ด้วย แมวเป็นสัตว์ที่มีการรับรู้ที่ดี มันจะร่าเริงในช่วงที่อากาศอบอุ่นหรือได้รับไอแดด ซึ่งเป็นกลิ่นที่มันปรารถนา การที่เราเห็นแมวนั่งอยู่บริเวณประตูหรือหน้าต่างบ่อยๆก็เพื่อ สูดดมเอากลิ่นไอแดดมาปะทะเข้าจมูกมันนั่นเองแต่กลิ่นที่ได้รับนั้นไม่สามารถกระตุ้นด้วยบริเวณจมูก แต่อากาศที่เข้าสู่จมูกจะถูกดึงดูดขึ้นไปตามท่อรูจมูกบริเวณศีรษะผ่านไปสู่ฟันกรามด้านบน แล้ววนไปสู่ระบบประสาทที่สามารถรับรู้กลิ่นได้ เป็นลักษณะเช่นเดียวกับการรับรู้กลิ่นของสัตว์ประเภทงู


การฟังหรือได้ยินเสียง(Hearing)



แมวสามารถรับฟังเสียงที่มีอัตราความถี่ประมาณ 30-45,000 Hertzโดยเป็นระยะทาง กว้างไกลกว่าคนซึ่งได้ยินเพียง 2,000-5,000Hertz หูของแมวจะมีสันโค้งเป็นจุดรวมการกรอง ของเสียงลักษณะใบหูจะมีขบวนการรับฟังเสียงที่มากระทบโสตประสาทบริเวณหูได้สูงมากในบริเวณ ต้นแหล่งของการเกิดเสียงสะท้อนแมวที่เราเลียงอยู่ในบ้านนั้นสามารถแยกเสียงฝีเท้าเดินของคนในบ้าน และคนแปลกหน้าที่เข้ามาในบ้านได้ด้วย



การสัมผัส(Touch)


แมวมักจะใช้อุ้งฝ่าเท้าส่วนหน้าในการจำแนกหรือวินิจฉัยวัตถุนั้นๆ โดยมีจมูกเป็นตัวกระตุ้น ที่สำคัญในการสัมผัส แมวสามารถมีแรงผลักดันของการรับรู้ในบริเวณช่วงขนที่ขึ้นยาว คือ หนวด คิ้ว และช่วงขนที่เป็นเส้นยาวบริเวณหลังอุ้งฝ่าเท้าคู่หน้า หนวดประเภทนี้จะช่วยให้มันทราบ ตำแหน่งที่ว่างของการรับรู้จากภายในตัวไปสู่บริเวณตำแหน่งของวัตถุได้ภายในไม่เกิน 1 นาที

การส่งเสียง


เสียงร้องเหมียวเหมียว


เป็นเสียงที่รู้จักกันดี อาจเกิดขึ้นจากที่ลูกแมวถูกปล่อยทิ้งตามลำพัง หรือไม่มีความสุข ลูกแมวจะเปล่งเสียงนี้เมื่อมันหลุดออกจากลังหรือกำลังหนาว ถ้าแม่แมวมารบกวนในขณะที่หลับ เป็นสัญญาณความไม่พอใจ ขาดการเอาใจใส่ดูแล และรวมไปถึงการเรียกของทั้ง 2 เพศ

การทำเสียงแหลม


เมื่อแมวตกอยู่ในสภาพเครียดมาก ๆ มันจะแสดงความโกรธโดยการส่งเสียงแหลม ซึ่งเสียงนี้ เรียกว่า "เสียงเพื่อป้องกันตัว" จะแสดงออกมาถี่ ๆ นอกจากนี้เสียงร้องที่สูงและต่ำ เป็นการแสดงถึงการจับคู่กันด้วย

การคำราม


จะเกิดขึ้นโดยการยกมุมปาก การคำรามอย่างเต็มกำลังซ้ำ ๆ กันแสดงถึงความจริงจัง แมวใหญ่จะทำกันมากเป็นพิเศษ

การทำเสียงคลัก


เป็นการทำเสียงในระดับสูง แสดงถึงมิตรภาพยินดีจะเป็นเพื่อนด้วยและอาจจะมีการร้องเหมียวเบา ๆ อาจหมายถึงการสนทนาอย่างเป็นกันเอง


การส่งสัญญาณโดยใช้กลิ่น


การส่งสัญญาณประเภทนี้จะให้เกิดผลได้ดีเมื่อแมว 2 ตัวได้สัมผัสกันทั้งโดยตรง และโดยทางอ้อม ต่อมกลิ่นที่อยู่ใต้ผิวหนังบริเวณแก้ม คาง เท้าและโคนหาง จะทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนออกมา โดยเฉพาะในแมวตัวเมียนึ้นจะผลิตฮอร์โมนติดต่อกันเป็นวัฏจักร การถูสัมผัสกันกับแมวตัวอื่น โดนใช้หัว คาง สีข้าง แก้ม


ตลอดจนการใช้ลำตัวไปถูใต้คางของ อีกตัวหนึ่ง ก็เป็นการ สื่อสารแบบหนึ่งด้วย ในแมวตัวผู้มีการปล่อยกลิ่นเพื่อแสดงอาณาเขตของมันเองโดยมักจะชูหางขึ้นและแกว่งไปมา พร้อมทั้งปล่อยของเหลวที่มีกลิ่นออกจากต่อมใต้โคนหาง แมวอาจปล่อยกลิ่นไว้ตาม กำแพง กิ่งและพุ่มไม้ หรือ อาณาเขตของมันโดยทั่วไป กลิ่นจะคงอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ หรือ มากกว่านี้เล็กน้อย และในไม่ช้าก็จะจางไปแต่ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศด้วย


หลังจากการต่อสู้ผู้ชนะจะปล่อยกลิ่นหลาย ๆ ครั้งในบริเวณนั้น นอกจากจะแสดงว่า เป็นอาณาเขตของมันแล้ว ยังแสดงถึงความมั่นใจและความแข็งแรงของมันอีกด้วย ฝ่ายที่แพ้ไป นั้นก็จะปล่อยกลิ่นเหล่านี้ในภายหลังโดยจะระมัดระวังไม่ให้ฝ่ายชนะ

พฤติกรรมของแมว

การแสดงออกของใบหน้า


หู
เป็นจุดที่ไวมาก หูจะถูกยกยื่นไปข้างหลัง เป็นการเตือนที่จะสู่โจมศัตรูในกรณีที่หู โค้งกลับและถูกดึงให้ต่ำลงข้างๆ เป็นสัญญาณของการป้องกันตัวและพร้อมที่จะต่อสู้


หนวด


ให้ดูจากตำแหน่างการกระจายตัวของหนวด ถ้าหนวดแผ่ออก แมวกำลังเครียด หรือสนใจอะไรบางอย่าง แต่ถ้าหนวดดูลาดและรวบไปไว้ข้างแก้มแมวจะอยู่ด้านหลังเป็นพุ่มแสดงถึงความสงบสบายใจ


ลูกตาดำ


ม่านดกที่หดเล็กลงจะแสดงถึงความตึงเครียดหรือสนใจอะไรอย่างหนึ่งอย่างใดอย่างมาก ในกรณีที่ม่านตกเปิดกว้าง มันแสดงถึงความประหลาดใจ กลัวหรือเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันตัว


การหาว


ไม่ใช่การติดต่อของเชื้อโรคหรือแสดงอาการง่วงนอนที่เกิดกับมนุษย์ แต่มันเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความแน่ใจ การแสดงออกแบบนี้เหมือนกับมันจะพูดว่า "ฉันรู้สึกสบายดีนะและคุณคงเป็นอย่างฉันด้วย"



กิริยาท่าทางที่แมวแสดงออก


หัว


เมื่อแมว 2 ตัวที่ไม่ได้เคยรู้จักกันมาก่อนเลยและมาเผชิญหน้าจะติดต่อทำความรู้จักกัน โดยการยึดหัวที่ตั้งตรงไปข้างหน้า และเมื่อตัวใดตัวหนึ่งรู้สึกว่าเด่นกว่าจะเชิดหัวสูงขึ้นไปอีก ส่วนตัวที่รู้สึกว่าด้อยกว่าจะก้มหัวต่ำลง


ลำตัว

ถ้าลำตัวยึดตรง แสดงถึงความมั่นใจและพร้อมที่จะจู่โจมศัตรู ในกรณีที่ลำตัวโค้งงอหรือหลังโก่ง แสดงถึงว่าแมวกลัว และพร้อมที่จะจู่โจมได้ทันที


หาง


หางเป็นเครื่องบ่งบอกอารมณ์ของแมวได้เป็นอย่างดี ถ้าหางนั้นเคลื่อนไหวเป็นคลื่นและสบัดจาก ทางหนึ่งไปยังอีกทางหนึ่ง แสดงถึงมีความตื่นเต้นมาก ๆ เมื่อแมวต้องการแสดงความเป็นมิตร แต่ถ้ามันสบัดหางขึ้นอย่างรวดเร็ว แสดงถึงการขู่ แล้วพร้อมที่จะจู่โจม


ขน


เมื่อแมวอยู่ในภาวะกำลังกลัว ขนจะตั้งชันทั้งตัว ในกรณีที่ขู่หรือเตรียมจะตะปบเหยื่อ ขนจะตั้งขึ้นเพียงเล็กน้อยตามส่วนที่ยื่นออกมา


วิธีการฝึกแมวให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง



ลูกแมวส่วนใหญ่จะเรียนรู้การรักษาความสะอาดจากแม่ของมัน ลูกแมวจะคุ้ยดินหรือทรายมากลบอุจจาระของมันโดยนิสัยนี้เป็นมาแต่กำเนิด ลูกแมวที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ของมันจะเป็นปัญหาสำหรับการฝึกให้อุจจาระภายในบ้าน แต่ปกติแล้วแมวเป็นสัตว์ที่สะอาดอยู่แล้ว ถ้าหากลูกแมวปฏิเสธการใช้ถาดสำหรับขับถ่ายแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องค้นหาเหตุผลให้ได้ โดยเฉพาะถ้าเกิดซ้ำ ๆ กัน สาเหตุที่เป็นไปได้สาเหตุหนึ่งคือ ถาดนักถูกใช้มาก่อน แต่ถ้าถาดนั้นยังไม่ได้ใช้งานมาเลย ก็อาจเป็นไปได้ว่าวางผิดที่ ทางเลือกอีกวิธีหนึ่งคือ หากล่องใบที่สองมาไว้ ณ ที่ใดที่หนึ่งในห้อง ในกรณีที่ลูกแมวอาจจาระร่วง และไม่อาจจะไปถึงกล่องนี้ได้ ก็จำเป็นต้องพาไปพบสัตวแพทย์


เมื่อลูกแมวเคยชินกับถาดสำหรับขับถ่ายแล้ว ลูกแมวก็จะใช้มันต่อไปได้โดยไม่มีปัญหาอะไร ถ้าเกิดเหตุบังเอิญขึ้นที่หนึ่งที่ใดในห้อง การลงโทษลูกแมวจะไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะมันไม่เข้าใจเหตุผลว่า เพราะเหตุใดมันจึงต้องถูกปฏิบัติอย่างรุนแรงเช่นนี้ การลงโทษมีแต่จะทำให้มันเกิดพฤติกรรมซ่อนเร้น มีเล่ห์กระเท่และขาดความไว้วางใจในตัวเจ้าของ เมื่อพื้นห้องเกิดการเปรอะเปื้อนด้วยอุจจาระแมวจะต้องทำความสะอาดให้ทั่ว เพราะลูกแมวจะจำกลิ่นของมันเองและจะกลับมาถ่ายที่บริเวณเดียวกัน


คุณควรจะมีถุงมือยางคู่หนึ่งสำหรับการทำความสะอาดโดยเฉพาะเพื่อไม่ให้มือเปื้อนเศษอุจจาระ บริเวณพื้นที่เปื้อนจะต้องเช็ดถูอย่างดี ถ้าให้ดีควรราดด้วยน้ำร้อน ๆ และยาฆ่าเชื้อหลังจากเก็บเศษอุจจาระออกไปแล้ว จากนั้นให้ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดอีกครั้งหนึ่งเพื่อดับกลิ่น แต่ทั้งนี้ควรใช้อย่างระมัดระวัง ขึ้นอยู่กับพื้นผิวห้องนั้น ๆ น้ำยาเคมีที่ใช้ทำความสะอาดอาจจะหาซื้อได้ตามร้านขายสัตว์เลี้ยงและนำมาใช้แทนกันได้ นอกจากนี้ยังอาจจะใช้แชมพูฟอกพรมที่สกปรกหรือใช้ยาขัดที่มีกลิ่นหอมเช็ดตามเฟอร์นิเจอร์ก็จะปลอดภัยเช่นเดียวกัน

บางครั้งแมวที่มีอายุมากก็จงใจปัสสาวะตามที่ที่มันอยู่ พฤติกรรมเช่นนี้ส่วนใหญ่จะพบในแมวตัวผู้ที่สมบูรณ์ดี แต่บางครั้งก็พบในแม่พันธุ์ขณะที่เป็นสัด แต่ไม่บ่อยนัก นิสัยแบบนี้เรียกว่าการปัสสาวะรด ( Spraying) และเป็นการแสดงถิ่นที่ของสัตว์ แมวที่ถูกตอนไม่ว่าจะเป็นตัวผู้หรือตัวเมียจะไม่ค่อยปัสสาวะรด นอกจากรู้สึกว่าอันตรายหรือมีอาการตื่นกลัว เช่น มีแมวตัวใหม่เข้ามา

วิธีป้องปรามไม่ให้แมวปัสสาวะรดที่ได้ผลจริงจังนั้นไม่มี ด้วยเหตุนี้จึงควรนำแมวที่ไม่ได้มุ่งจะเลี้ยงไว้ทำพันธุ์ไปตอนเสียขณะที่อายุยังน้อย ๆ และจำเป็นต้องทำความสะอาดบริเวณที่สกปรกให้ทั่ว เพื่อขจัดกลิ่นต่าง ๆ ให้หมดไม่ให้แมวจำกลิ่นได้ วิธีที่จะป้องกันส่วนหนึ่งส่วนใดของห้องจากการถูกแมวปัสสาวะรดนั้น จะต้องให้อาหารแมวให้ใกล้บริเวณที่มันเคย


ในการปล่อยให้พื้นห้องเปรอะเปื้อนต่อไปนั้น คุณไม่เพียงแต่จะต้องอยู่กับกลิ่นฉุนเท่านั้น แต่จะไม่สามารถป้องกันไม่ให้แมวมาปัสสาวะรดอีก เพื่อเสริมกลิ่นเดิมได้


ขณะที่ถาดขับถ่ายเป็นสิ่งสำคัญ บานเปิดสำหรับแมว ( Cat flop) อาจจำเป็นหรือไม่จำเป็น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าจะปล่อยแมวออกไปนอกบ้านหรือไม่ อย่างไรก็ตาม บานเปิดนี้ก็เป็นสิ่งที่อำนวยความสะดวกสบายโดยแมวจะเข้าออกได้ตามที่ปรารถนา บานเปิดนี้จะต้องมีกลอนเพื่อปิดล็อคได้ในยามค่ำคืน


เมื่อปล่อยแมวออกนอกบ้านได้โดยปลอดภัยแล้ว ก็ควรสอนให้มันรู้จักและใช้บานเปิด การชักชวนเกลี้ยกล่อมให้มันใช้บานสวิงชนิดนี้จะต้องใช้ความอดทน เพราะมันจะกลัวการถูกบานประตูหนีบขณะที่ผ่านเข้าออก ในระยะแรก ควรจะยึดให้บานประตูเปิดไว้ให้เห็นช่องเข้าออกได้ชัดเจน จากนั้นจึงพยายามให้แมวเข้าออกจากบ้านด้วยเส้นทางนี้ ระยะต่อไปให้ลดบานลงบางส่วนโดยใช้ไม้ค้ำยันไว้และเรียกแมวซึ่งอยู่ภายในบ้านออกมา


โดยอาจจะวางถาดนมไว้ที่พื้นด้านนอก เพื่อล่อให้มันออกไป และเมื่อปิดประตูบ้าน การคะยั้นคะยอให้แมวออกผ่านบานเปิดไปคงจะไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก หลังจากนั้น ก็ปฏิบัติเช่นนี้ซ้ำอีก แต่กลับทิศทางเสีย เพื่อให้แมวรู้สึกมั่นใจว่าจะกลับผ่านเข้ามาในบ้านได้ ในไม่ช้ามันจะใช้อุ้งเท้าผลักบานเปิดออกด้านนอก ในระหว่างนี้ควรเรียกให้มันเข้าบ้านเวลากลางคืนถ้ามันได้ออกไปในเวลากลางวันแล้ว เพื่อที่จะเปิดล็อคบานเปิดนี้ให้สนิท



กลวิธีง่าย ๆ ในการฝึกสอนแมว



แมวจะรู้ชื่อของมันได้แน่ โดยเฉพาะถ้าเป็นชื่อเรียบง่าย และมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ลูกแมวจะตอบสนองต่อการฝึกสอนได้ดีกว่าเป็นอันมาก และไม่นานนักมันจะเดินเข้ามาหาเมื่อถูกเรียกในการสอนให้มันรู้จักชื่อตัวมันเองนั้น ให้เรียกชื่อมันก่อนอาหารแต่ละมื้อ เพื่อให้เสียงเรียกชื่อนั้นสัมพันธ์กับรสชาติของอาหารอันน่าเอร็ดอร่อย จะทำให้มันพร้อมจะตอบสนองต่อเสียงเรียก ซึ่งเราควรจะตอกย้ำให้มากขึ้นด้วยการให้ความสนใจต่อมันทุกครั้งที่มันเข้ามาหา



แม้ว่าการสอนให้แมวรู้จักตอบสนองต่อเสียงเรียกชื่อของมันเป็นส่วนสำคัญในการเป็นเจ้าของมัน แต่คุณก็อาจจะสอนเรื่องอื่น ๆ ได้ด้วย โดยไม่ลำบากยากเย็นนัก กลวิธีง่าย ๆ วิธีหนึ่ง คือสอนให้มันรู้จักขออาหาร โดยถือชิ้นอาหารไว้เหนือศีรษะของมันให้อยู่ในระยะที่มันเอื้อมไม่ถึง แมวจะพยายามยืดตัวเพื่อเอื้อมเอาอาหาร จากนั้นจึงให้อาหารแก่มันเป็นรางวัล แม้ว่าในระยะแรกจะต้องปฏิบัติเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลาย ๆ ครั้งแต่ในไม่ช้า แมวจะเรียนรู้วิธีการนี้



แม่แมวจะเริ่มสอนวิธีทำความสะอาดแก่ลูก ๆ เมื่ออายุได้ประมาณสามสัปดาห์ การเลียบริเวณทวารหนักหลังจากการกินอาหารจะเป็นการทำให้ลูกแมวปัสสาวะและถ่าย ควรจัดถาดขับถ่ายไว้ให้ลูกแมวตั้งแต่อายุ 2 สัปดาห์ครึ่งเป็นต้นไป มิฉะนั้น มันจะหาที่ขับถ่ายเองซึ่งเป็นนิสัยที่แก้ยาก ถาดดังกล่าวควรบรรจุไว้ด้วยเศษหญ้าเศษฟางที่แห้ง สะอาด และดูดซับได้ดี ควรเปลี่ยนเป็นประจำ จงอย่ากังวลถ้าหากลูกแมวเอาอุ้งเท้าไปคุ้ยเขี่ยเศษอุจจาระของมัน เพราะเรื่องนี้เป็นธรรมชาติ แมวส่วนใหญ่ที่อยู่ในป่าจะซ่อนอุจจาระของมันโดยการเขี่ยกลบ



แมวนั้นสามารถสอนให้ปัสสาวะ และถ่ายอุจจาระนอกบ้านได้ง่าย แต่จะต้องเตรียมที่ทางให้มันเข้าออกได้ บานเปิดสำหรับแมวนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ทุกแบบใช้หลักการเดียวกันคือให้แมวผลักบานสวิงให้เปิดออก บางแบบจะทำงานโดยใช้แม่เหล็กที่ผูกติดปลอกคอของมัน เพื่อไม่ให้แมวจรจัดเปิดเข้ามา หรือมีตัวอื่นเดินผ่านตามมาในฤดูผสมพันธุ์ แม่แมวจะมีส่วนสำคัญในการฝึกสอนการใช้บานเปิดนี้ โดยลูก ๆ ของมันจะคอยเฝ้าสังเกต


การฝึกนิสัยแมว



การฝึกนิสัยขับถ่ายให้แมว



โดยปกติแมวจะเรียนรู้นิสัยการขับถ่ายจากแม่ของมันเอง โดยถ้าอยู่นอกบ้านก็จะ พยายามคุ้ยเศษฟางหรือเศษดินทรายมากลบอุจจาระของมันโดยธรรมชาติ เพราะแมว เป็น สัตว์ที่รักสะอาดอยู่แล้ว ถ้าอยู่ในบ้านเราก็แค่เตรียมถาดใส่ทรายที่สะอาดให้มัน โดยในครั้งแรกๆ เมื่อเห็นมันกำลังถ่ายเลอะเทอะก็จับมันมาไว้ที่ถาดทราย สักพัก มันก็จะชิน คราวต่อไปมันก็จะมา ใช้บริการส้วมของมันเองได้โดยอัตโนมัติ



จะทำยังไงเมื่อแมวถ่ายไม่เป็นที่



ถ้าแมวไม่ยอมถ่ายในภาชนะที่เราเตรียมไว้ให้ ก็อาจเป็นเพราะว่าถาดนั้นเคยถูก ใช้มาแล้ว และไม่ได้รับการทำความสะอาดที่ดีพอ การลงโทษโดยตีมันแรงๆ หรือตวาดใส่ ไม่ได้ช่วยให้เกิดผลดีเลย กลับทำให้แมวไม่เข้าใจว่าเราตีมันทำไม นอกจากจะเป็นการทำให้มันระแวงในตัวเจ้าของแล้ว คราวต่อไปมันก็ยังคงทำ เลอะเทอะเหมือนเดิม




การสอนให้แมวรู้จักชื่อของมัน



ถ้าเราตั้งชื่อที่เรียบง่ายและมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวให้ลูกแมวจะจำได้ดีกว่า ถ้ามีแมวอยู่ในบ้านหลายตัว เราไม่ควรตั้งชื่อที่มีเสียงคล้ายกัน เช่น คิตตี้ บิลลี่ ลิลลี่ สาลี่ มีมี่(นามสมมุติ) เพราะแมวแยกเสียงเหล่านี้ไม่ออก สุดท้ายก็กลายเป็นว่า ไม่ว่าจะเรียกชื่ออะไร ก็ไม่มีตัวไหนมาหาเราเลย เราต้องเรียกชื่อมันก่อนอาหาร






แต่ละมื้อเพื่อให้เสียงเรียกชื่อนั้นสัมพันธ์กับรสชาติอาหารที่มันกำลังเอร็ดอร่อยอยู่ ในระยะต้นๆสัญชาติญาณ การอยากรู้อยากเห็นของลูกแมวจะทำให้มันพร้อมจะตอบสนอง ต่อเสียงเรียก ซึ่งเราควรจะตอกย้ำให้มากขึ้นด้วยการให้ความสนใจต่อมันทุกครั้งที่มันเข้ามาหา

การให้อาหารแมว




อาหารสด




อาหารยอดฮิตได้แก่ ปลาทูนึ่ง ไก่ย่าง(โดยเฉพาะตับไก่แมวจะชอบมากแต่ต้องระวังพยาธิ) แมวไม่ชอบข้าวที่แฉะเพราะจะติดฟันและเขี้ยวของมัน



อาหารแห้งสำเร็จรูป


การให้อาหารแห้งแมวต้องไม่ลืมที่จะเตรียมน้ำไว้ให้มันเสมอ แมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเลีอกกิน ดังนั้นอาหารที่ให้มันกินต้องมีกลิ่นหอม(สำหรับมัน)ไม่ว่าจะเป็น อาหารสดหรืออาหารแห้ง ยิ่งถ้าเป็นอาหารแห้งควรเทให้มันครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆ เพราะถ้าเททิ้งไว้นานๆ กลิ่นหอมจะหายหมด และในที่สุดอาหารเหล่านั้นก็กลายเป็น อาหารของหนูและแมลงสาปแทน ถ้าเป็นไปได้ควรให้อาหารสดสลับกับอาหารแห้งแก่แมว เพราะบางครั้งมันอาจจะเบื่ออาหารที่จำเจถ้าเราอยากเอาใจมันก็น่าจะลอง สับเปลี่ยนชนิดอาหารให้มันบ้าง